วันอาทิตย์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2555

112 สยองพระเกียรติ ตอนที่ 2 : แย่งกันจงรักภักดี Section 112 02




112 สยองพระเกียรติ
ตอนที่
2
 แย่งกันจงรักภักดี

ขาใหญ่ดาหน้าปกปักรักษามาตรา
112

ในช่วงปลายปี 2554 มีบรรดาขาใหญ่ฝ่ายนิยมเจ้าดาหน้ากันออกมาจะออกมาคัดค้านการจะแก้ มาตรา 112 ไล่ตั้งแต่

พลตำรวจเอก วสิษฐ เดชกุญชร วัย 82 ปี  กล่าวหาและโจมตีนางคริสตี้ เคนนี่ย์เอกอัครราชทูตสหรัฐ ประจำไทย และนางราวินา ชัมดาซานี โฆษกของข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ที่ได้แสดงความเห็นวิพากษ์ศาลไทยในกรณีตัดสินจำคุกนายอำพลหรืออากง 20 ปี โดยวสิษฐประกาศว่าต้องต่อสู้แม้กับอเมริกาและสหประชาชาติ

นายมีชัย ฤชุพันธุ์ วัย 73 ปี นักกฎหมายใหญ่พูดชัดเจนในเวบมีชัยไทยแลนด์เมื่อ 21 ธันวาคม 2554   ว่าคนที่เจริญแล้วก็ต้องยอมรับนับถือประเพณีวัฒนธรรมของแต่ละประเทศ ไม่ไปตัดสินจากความคุ้นเคยหรือความเคยชินของตนเอง 
และนายสุเมธ ตันติเวชกุล อายุ 72 ปี ถามว่าทำไมต้องเจาะจงแก้มาตรา 112 พร้อมทั้งยกโคลงล้อประธานาธิบดีสหรัฐยังติดคุก ทั้งๆที่ไม่ใช่โคลงล้อ แต่เป็นการขู่จะสังหาร

ข้ออ้างเรื่องศาลสหรัฐ
ลงโทษผู้หมิ่นประธานาธิบดีโอบามา

ผู้ไม่เห็นด้วย
กับแนวคิดแก้ไขปฏิรูปกฎหมายอาญามาตรา 112 ต่างออกมาแสดงความเห็นผ่านสื่อมวลชน ตั้งแต่นายสุริยะใส กตะศิลา, ปราโมทย์ นาครทรรพ, มีชัย ฤชุพันธุ์ และ สุเมธ ตันติเวชกุล โดยยกกรณีผู้แต่งบทกวีข่มขู่ประธานาธิบดีบารัก โอบามา ซึ่งถูกศาลสหรัฐตัดสินลงโทษจำคุก

โดยเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2553 ศาลเมืองหลุยวิลส์ ได้พิพากษาลงโทษจำคุกจอห์นนี่ โลแกน สเปนเซอร์ หนุ่มวัย 28 ปี เป็นเวลา 33 เดือน และต้องถูกคุมประพฤติหลังพ้นโทษเป็นเวลา 3 ปี ด้วยข้อหาแต่งบทกวี 16 บรรทัด ข่มขู่เอาชีวิตบารัก โอบามา โดยมีเนื้อหาบรรยายถึงการใช้ปืนสไนเปอร์ปลิดชีวิตประธานาธิบดีสหรัฐ เขาเคยนำไปโพสต์ในเว็บไซต์ของกลุ่มนาซีใหม่ เมื่อปี 2550 และถูกโพสต์ซ้ำอีกครั้งในปี 2552 หลังจากนายโอบามาเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีแล้ว ก่อนที่หน่วยสืบราชการลับของสหรัฐฯ จะจับกุมตัวสเปนเซอร์ได้เมื่อต้นปี 2553 โดยฝ่ายที่ปกป้องสเปนเซอร์อ้างว่าเป็นเพียงแค่การแสดงความไม่พอใจเท่านั้น
แต่อัยการยืนยันว่าข้อความที่ว่า " คนผิวดำต้องตาย " ( DIE negro DIE ) นั้น เพียงพอแล้วที่จะยกเลิกการให้เสรีภาพในการแสดงความเห็นแก่สเปนเซอร์ เพราะสหรัฐมี มาตรา 871 ที่บัญญัติว่าผู้ใดขู่ฆ่า หรือ ขู่จะลักพาตัวประธานาธิบดี หรือรองประธานาธิบดี หรือผู้ที่เพิ่งชนะเลือกตั้งประธานาธิบดี มีโทษปรับ หรือ จำคุก ไม่เกิน 5 ปี หรือ ทั้งจำทั้งปรับ นี่เป็นความผิด ฐานขู่ฆ่า หรือลักพาตัว หรือทำร้ายร่างกาย ไม่ใช่ความผิดหมิ่นประมาท แบบกรณี 112 ของไทย และเขาถือเป็นความผิดธรรมดา

มีหลายคนไม่พอใจคำตัดสินที่คนทำผิดเขียนกลอนชื่อ สไนเปอร์ พิมพ์ครั้งแรกปี
2550 และพิมพ์ซ้ำ 2552 ขู่จะยิงประธานาธิบดีโอบาม่า โดยเห็นว่าการเขียนกลอนแบบนี้ เป็นสิทธิเสรีภาพซึ่งไม่มีความผิด บางคนก็ยกตัวอย่างงานเขียนประเภทเดียวกัน เร็วๆนี้ ก็ยังมีคนเปิดเฟซบุ๊ค ให้คนมาออกเสียงว่า โอบาม่าควรถูกลอบสังหารหรือไม่ ให้เลือกตอบควร ไม่ควร หรืออาจะ yes, no, maybe ก็มีคนไปลงโหวตกันเป็นร้อยๆ แต่ตอนหลังเฟซบุ๊คปิดไป และมีการสอบสวนกัน แต่ไม่มีข่าวดำเนินคดีอะไรเลย .. พูดง่ายๆ คือ แม้แต่มาตราที่ว่านี้ ก็ไม่ใช่ว่าจะใช้กันอย่างพร่ำเพรื่อ หรือใช้บ่อย

ปัญหาศรัทธาเสื่อม
ถ้าพวกขาใหญ่คลั่งเจ้าทั้งหลายพอมีสติอยู่บ้าง ก็น่าจะยอมรับความจริงว่าปัญหาศรัทธาเสื่อมเกิดมาจากอะไร เพราะเมื่อเมื่อ
5 ปีที่แล้วในเดือนเดือนมิถุนายน 2549  ทั้ง ๆ ที่มีกระแสเรียกร้องให้เลือกระหว่างทักษิณกับในหลวงดังกึกก้องจากฝากพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

แต่คนจำนวนมากก็ยัง รักในหลวง ห่วงทักษิณ
อีก 3 เดือนต่อมา เมื่อมีการรัฐประหารโดยคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข  คนจำนวนมากยังใส่เสื้อเหลืองไปต้านรัฐประหารโดยมีเป้าสูงสุดแค่พลเอกเปรม ติณสูลานนท์
วันที่ 13 ตุลาคม 2552 อีก 2 ปีต่อมาช่วงเช้ามีข่าวการเสด็จพระราชทานเพลิงศพผู้ชุมนุมพันธมิตร  วันรุ่งขึ้น นายอานันท์ ปันยารชุน ยังเป็นประธานเผาศพแกนนำพันธมิตร ที่เสียชีวิตเพราะพกพาระเบิดมาในรถส่วนตัวของตนเอง รวมไปถึงการปราบปรามประชาชนในเดือน เมษา-พฤษภา 2553 ของบรรดาทหารรักษาพระองค์และทหารเสือราชินี
ถ้าพวกขาใหญ่ผู้จงรักภักดีพอจะมีสติสัมปัญชัญญะเหลืออยู่บ้าง ก็คงคิดพิจารณาเองได้ว่า อะไรเป็นเหตุ อะไรเป็นผลว่า พวกท่านเดินมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร
-23 พ.ย. 2554 น.อ. อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว. เทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ขอความร่วมมือไปยังเฟซบุ๊คสำนักงานใหญ่ ให้ปิดหน้าเฟซบุ๊ค (URL) ที่เป็นต้นตอการโพสต์รูปภาพและข้อความหมิ่นสถาบันกษัตริย์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว หากใครพบเห็นการโพสต์ข้อมูลและข้อความหมิ่นสถาบัน กรุณาอย่ากด Like (ชอบ)หรือ คอมเมนต์(แสดงความเห็น) เพราะจะเป็นการเผยแพร่ทางอ้อม ในช่วง 3 เดือนที่ตนเข้ามารับตำแหน่งได้ดำเนินการสั่งปิดเว็บหมิ่นประมาณ 6 หมื่นเว็บ ซึ่งใกล้เคียงกับในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (ปี 2551-53) ที่มีการสั่งปิดประมาณ 7 หมื่นเว็บ
-7 ธันวาคม 2554  ตัวแทนกลุ่มพันธมิตรมหาสารคาม นางวชิราภรณ์ โคตรสาร เข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองร้อยเอ็ด กล่าวโทษนายนิสิต สินธุไพร อดีต ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคพลังประชาชน ข้อหาดูหมิ่นศาลและร่วมกันหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ ตามมาตรา 112 เนื่องจากเมื่อวันที่ 24 มกราคม 2554 ทางกลุ่มพันธมิตรร้อยเอ็ด เปิดเวทีปราศรัยที่บึงพลาญชัย แต่ถูกกลุ่ม นปช. ขัดขวางและเปิดเพลงรบกวน พร้อมทั้งตะโกนคำว่า ทักษิณจงเจริญ  สร้างความสะเทือนในแก่ประชาชนผู้จงรักภักดีต่อสถาบัน
-15 ธ.ค. 2554 เครือข่ายสยามสามัคคี นำโดย พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม และ นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ ออกแถลงการณ์กรณีโฆษกสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนและ ผู้ตรวจการพิเศษแห่งสหประชาชาติ เอกอัครราชทูตสหรัฐ และผู้แทนสหภาพยุโรปด้านการต่างประเทศ ที่เรียกร้องให้ไทยแก้มาตรา 112 ที่เกี่ยวข้องกับการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ในฐานะที่ไทยเป็นภาคีกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง สืบเนื่องจากคดีหมิ่นเบื้องสูงของนายอำพล หรือ อากง และ นายเลอพงษ์ หรือ โจ กอร์ดอน
เครือข่ายสยามสามัคคี เห็นว่ากรณีดังกล่าวเกิดจากการรับฟังข้อมูลเพียงบางส่วน ไม่มีความเข้าใจอย่างแท้จริงเรื่องการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข รวมถึงไม่เข้าใจจารีตประเพณี วัฒนธรรม ความผูกพันอันแนบแน่นระหว่างประชาชนไทยและพระมหากษัตริย์ จึงไม่เข้าใจที่มาของกฎหมาย และไม่ตระหนักถึงผลร้ายที่จะตามมา ซึ่งความเห็นขององค์กรระหว่างประเทศดังกล่าวอาจมาจากการแสดงออกของรัฐบาลไทย ที่ปล่อยให้มีขบวนการละเมิดกฎหมายและละเมิดกระบวนการยุติธรรม ทำลายความศรัทธาที่ประชาชนมีต่อองค์พระมหากษัตริย์ โดยมุ่งเพื่อประโยชน์ทางการเมืองเท่านั้น การเรียกร้องของบุคคลดังกล่าว เป็นกระบวนการเพื่อล้มล้างความเป็นมาตรฐานสากลของกระบวนการยุติธรรมไทย และทำลายความเชื่อมั่นต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข พยายามแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมในไทย ไม่เคารพสิทธิ ความมั่นคงของชาติ ความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน และอาจทำให้เกิดความเกลียดชังในชาติ ยั่วยุให้เกิดการเลือกปฏิบัติ เครือข่ายสยามสามัคคีจึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลแสดงออกถึงการยึดมั่นในการปกครองระบอบประชาธิปไตยมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ชี้แจงให้บุคคลดังกล่าวและนานาประเทศเข้าใจและยอมรับการปกครองของไทย โดยให้มีหนังสือชี้แจงรายละเอียดข้อเท็จจริงแห่งคดีที่เกิดขึ้น ตลอดจนความสำคัญของกฎหมาย และผลร้ายที่จะตามมาหากมีการละเมิด พร้อมทั้งขอให้รัฐบาลทำหนังสือประณามการแทรกแซงกิจการภายใน ลบหลู่กระบวนการยุติธรรมของไทย และการแสดงออกที่มีผลให้เกิดความขัดแย้งในสังคมไทย
-16 ธ.ค. 2554
น.พ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ และเครือข่ายสยามสามัคคี ยื่นหนังสือต่อตัวแทนสหประชาชาติ กรณีที่สหประชาชาติ ได้แสดงความคิดเห็นว่า กฎหมายหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ มาตรา 112 ของไทย มีโทษหนักเกินไป และผิดกติการะหว่างประเทศว่าด้วยพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ถือเป็นการเข้ามาละเมิดอธิปไตยทางกฎหมายของไทย จึงขอให้ทางสหประชาชาติยุติเรื่องดังกล่าว และอยากให้ออกมาขอโทษประเทศไทยพร้อมทั้งยืนยันว่าทุกประเทศมีกฎหมายปกป้องประมุขของตนเองทั้งนั้น และกฎหมายมาตรา 112 ไม่ได้ขัดต่อกติการะหว่างประเทศ เครือข่ายสยามสามัคคีจะเดินทางไปยื่นหนังสือในเรื่องเดียวกันต่อสถาน
ทูตสหรัฐอเมริกาต่อไป
นายบวร ยสินทร ประธานเครือข่ายราษฎรอาสาปกป้องสถาบัน ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อนางพรพันธุ์ บุณยรัตพันธุ์ ประธานคณะกรรมาธิการศึกษาติดตามการบังคับใช้กฎหมายพิทักษ์สถาบันกษัตริย์ วุฒิสภา ให้ตรวจสอบเฟชบุ๊ค น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เขียนข้อความเพื่อถวายพระพรเฉลิมพระชนมพรรษาพระเจ้าอยู่หัว ในวันที่ 3 ธ.ค. 2554 ว่า  5 ธันวา รวมพลังคนไทย รวมหัวใจถวายพระพรชัยมงคล แต่ใช้พระบรมฉายาลักษณ์ของ ร.8 แทนจนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้าง

17 ธ.ค.2554  มีการจัดงานแสดงศิลปะกลางแจ้ง แท่งอัปลักษณ์ที่อนุเสาวรีย์ประชา ธิปไตย แสดงสถิติคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามมาตรา 112  ตั้งแต่ปี 2548-2553 โดยในปี 2552 มี 164 คดี, ปี 2553 มี 478 คดี
20 ธ.ค.2554  พล.อ. ประยุทธ์   ผบ.ทบ.  กล่าวว่า กรณีที่มีกลุ่มคนออกมาเรียกร้องให้แก้ไขมาตรา 112 นั้น ถ้าเป็นความคิดเห็นส่วนตัว ก็ไม่ควรพูดถึงและไม่อยากให้เลยเถิด หากคิดว่ากฎหมายไทยไม่เท่าเทียม หรือ รุนแรง ก็ให้ไปอยู่ต่างประเทศ ขอให้คนไทยเลิกทะเลาะกัน ไม่ควรขัดแย้งภายในเพื่อสร้างความเข้มแข็งร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยกับเรื่องการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เพราะเป็นกฎหมายที่ดี ไม่สมควรเปลี่ยนแปลง อีกทั้งประเทศไทยเจริญรุ่งเรืองได้เพราะมีสถาบันหลัก และหาว่ากลุ่มนิติราษฏร์ไม่มีงานทำ มัวแต่มาจ้องแก้ไขมาตรา 112 โดยย้ำว่าพรรคเพื่อไทยจะไม่แตะกฏหมาย 112

-21 ธ.ค.2554 กลุ่มเครือข่ายคนเชียงใหม่ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ กว่า 30 คนได้มายืนถือป้ายประท้วง บริเวณหน้าสถานกงสุลใหญ่สหรัฐอเมริกาจังหวัดเชียงใหม่ ให้ประเทศสหรัฐยุติการแทรกแซงการเมืองของประเทศไทย กรณีเรียกร้องให้ไทยแก้มาตรา 112 และพรบ.คอมพิวเตอร์ ในคดีนายโจ กอร์ดอน สัญชาติไทย-อเมริกัน และนายอำพล หรืออากง ตามกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิการเมืองซึ่งไทยเป็นสมาชิก การพิจารณาคดีของบุคคลทั้งสองได้ดำเนินตามขั้นตอนตามกระบวนการยุติธรรมโดยอิสระ ถูกต้อง เป็นที่ยอมรับ แสดงถึงความผูกพันอย่างมั่นคงระหว่างประชาชนกับสถาบันกษัตริย์ และเป็นไปตามหลักวิชาการด้านอาชญาวิทยา
การแสดงออกและข้อเรียกร้องของสหรัฐมีอคติ ทำให้คนเข้าใจผิด และแทรกแซงกิจการภายใน ดูถูก เหยียดหยาม ลบหลู่กระบวนการยุติธรรมของไทย ไม่สุจริต มีผล เป็นการละเมิดต่อกติการะหว่างประเทศรวมทั้งเสรีภาพ จารีตประเพณี วัฒนธรรมการปกครองของประเทศไทย จึงเรียกร้องให้สหรัฐอเมริกาขอโทษต่อประชาชนไทย ที่ได้แทรกแซงกิจการภายใน เหยียดหยาม ลบหลู่กระบวนการยุติธรรมของประเทศไทยโดยทันที รวมถึงยุติการกระทำอันเป็นผลกระทบต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขของประเทศไทย หลังจากนั้นได้มีตัวแทนเจ้าหน้าที่กงสุลสหรัฐอเมริกาออกมารับหนังสือตาม ข้อเรียกร้องของกลุ่มผู้ชุมนุม



นางกาญจนี วัลยะเสวี
-22 ธ.ค.2554 นางกาญจนี วัลยะเสวี เจ้าของฉายาไฮโซสปอตคลับ ตัวแทนเครือข่ายสยามสามัคคี มีจุดประสงค์รวมตัวคนไทยที่รักชาติ รักสถาบันพระมหากษัตริย์ ต้องทำให้คนไทยอีก 55 ล้านคนรู้ว่าชาติและสถาบันกำลังถูกสั่นคลอน โดยจะไม่ยอมให้ระบอบทักษิณเป็นฝ่ายกระทำอยู่ข้างเดียว ให้บ้านเมืองเกิดความวุ่นวาย เกิดสงครามกลางเมือง ล้มสถาบันเบื้องสูง
-23 ธ.ค. 2554  นายสัก กอแสงเรือง นายกสภา ทนายความ  ออกแถลงการณ์สภาทนายความ ขอให้ตำรวจจัดการพวกหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ทางออนไลน์
-24 ธ.ค. 2554 ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยจะไม่มีการเข้าไปแก้ไขในส่วนของมาตรา 112 และจะคัดค้านจนถึงที่สุด หากมีการแก้ไขในมาตราดังกล่าว
นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด   เห็นว่าการอภิปรายถึงกฎหมายนี้เป็นสิ่งจำเป็น เพราะขณะนี้มีคนถูกดำเนินคดีด้วยมาตรา 112 เป็นจำนวนมาก ชี้ให้เห็นว่า กฎหมาย ไม่สอดคล้องกับสภาพสังคมวัฒนธรรม หากขาดการอภิปรายให้เห็นปัญหาที่สะสมมานาน ก็จะมีสภาพเหมือนกระสอบทรายคันกั้นน้ำที่กั้นน้ำไว้สูงจนเกินไป สักวันก็จะล้มระเนระนาด น้ำทะลักแรงกว่าปกติ จึงต้องเปิดโอกาสให้คนคุยเรื่องหลักการจะเป็นประโยชน์ต่อทุกสถาบันและทุกฝ่าย
แต่หากจะมาไล่จับกัน ก็อาจไม่เป็นเพียงเรื่องภายในประเทศอีกต่อไป เพราะจะกลายเป็นเรื่องระดับสากล แม้แต่ทูตสหรัฐ ยังมองว่าเป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับสิทธิมนุษยชน
- 27 ธ.ค.2554 นายอรรถพร พลบุตร ส.ส.เพชรบุรี รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการเคลื่อนไหวของกลุ่มนิติราษฎร์ ที่จะรณรงค์แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ในวันที่ 15 มกราคม 2555 ว่า กรณีนี้จะสร้างความขัดแย้งในบ้านเมืองให้มากยิ่งขึ้น และขอให้กลุ่มนิติราษฎร์โอนสัญชาติไปเคลื่อนไหวในประเทศที่ให้เสรีภาพในการวิพากษ์วิจารณ์พระมหากษัตริย์ ไม่ควรถือสัญชาติไทย ซึ่งถือว่าสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นแกนหลักของบ้านเมืองที่ผู้ใดจะล่วงละเมิดมิได้ กรณีการแก้ไขมาตรา 112 เป็นประเด็นละเอียดอ่อนและจะนำไปสู่ชนวนความขัดแย้งจนบ้านเมืองลุกเป็นไฟ กระทั่งพรรคเพื่อไทยยังหลีกเลี่ยงที่จะแตะต้องมาตราดังกล่าว แต่กลุ่มนิติราษฎร์ยังไม่ยอมหยุด "ผมจึงไม่เข้าใจความนึกคิดของอาจารย์กลุ่มเล็กๆ กลุ่มนี้ว่า การที่กฏหมายห้ามหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ จะทำให้บ้านถล่มดินทลายหรือทำให้คนกลุ่มนี้ขาดใจตายหรืออย่างไร จึงต้องดิ้นรนทุกวิถีทางที่จะแก้ไขมาตรา 112 และบุคคลที่ตกเป็นผู้ต้องหาหรือจำเลยในคดีนี้ทุกคน ล้วนแต่มีพฤติการณ์ที่เข้าข่ายความผิด มีพยานหลักฐานชัดเจน ซึ่งมีสิทธิที่ต่อสู้เพื่อพิสูจน์ความถูกผิดของตนเอง ไม่เคยปรากฏว่า คนบริสุทธิ์ก็ถูกยัดเยียดความผิดหรือตกเป็นเหยื่อของมาตรา 112 คำพูดดังกล่าวจึงการบิดเบือนเพื่อตอบสนองเป้าหมายที่ก้าวไปไกลกว่าการแก้ไข มาตรา 112 ผมขอให้กลุ่มนิติราษฎร์หยุดการเคลื่อนไหวโดยเด็ดขาด และถ้ายังเคลื่อนไหวในประเด็นนี้ต่อไปก็จะเผชิญหน้ากับพลังของความจงรักภักดีที่กำลังหมดความอดทนต่อการกระทำของคนกลุ่มนี้
-27 ธันวา 2554 พล.อ.ประยุทธ์  ผบ.ทบ. ให้สัมภาษณ์ว่าทางซูดานได้แสดงความดีใจและกล่าวกับกำลังทหารของไทยว่า คนไทยโชคดีที่มีพระเจ้าอยู่หัว ต่างชาติเขารู้จักประเทศไทย เพราะสถาบันพระมหากษัตริย์จำไว้ ประเทศไทยมีชื่อเสียงในโลกเพราะสถาบันพระมหากษัตริย์




ราชนิกูลทนไม่ไหว
เรียกร้องให้แก้ไขมาตรา
112

นายสุเมธ ชุมสาย
-หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ วันที่ 12 มกราคม 2555 รายงานว่า ราชนิกูลกลุ่มหนึ่งเรียกร้องให้มีการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายอาญา มาตรา 112  โดยราชนิกูลผู้มีชื่อเสียงจำนวน 8 คน ได้แก่ มรว.สายสวัสดี สวัสดิวัตน์ , มรว.สายสิงห์ ศิริบุตร ,มรว.นริศรา จักรพงษ์ , นายวรพจน์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา , พลเอกมรว.กฤษต กฤดากร, มรว.ภวรี สุชีวะ (รัชนี) (ลูกสาวหม่อมเจ้าภีศเดช รัชนี ประธานมูลนิธิโครงการหลวง), มรว.โอภาส กาญจนะวิชัย และนายสุเมธ ชุมสาย ณ อยุธยา  ได้ลงนามในจดหมายที่ส่งไปถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อวันเสาร์ที่ 7 มกราคม 2555 เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีดำเนินการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายมาตรา 112 เพราะจำนวนคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพได้เพิ่มขึ้นอย่างสำคัญในช่วงเวลา 7 ปี จากจำนวน 0 คดี ในปี 2545 มาเป็น 165 คดี ในปี 2552 ซึ่งข่าวคราวเกี่ยวกับคดีความเหล่านั้นได้ถูกรายงานไปทั่วโลก และส่งผลกระทบอย่างรุนแรงมากขึ้นต่อสถาบันพระมหากษัตริย์
จดหมายยังได้อ้างถึงพระราชดำรัสของพระเจ้าอยู่หัวเมื่อ 4 ธันวาคม 2548 ซึ่งได้มีกระแสรับสั่งว่าการลงโทษจับกุมคุมขังผู้วิพากษ์วิจารณ์สถาบันนั้น มีแต่จะก่อปัญหาให้แก่พระองค์เอง นับแต่พระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำรัสดังกล่าว มีรัฐบาลหลายชุดหมุนเวียนกันเข้ามาบริหารประเทศ แต่ไม่มีรัฐบาลชุดใดเลยที่จะริเริ่มดำเนินการแก้ไขกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ รวมทั้งรัฐบาลชุดปัจจุบัน เมื่อครั้งที่รัฐบาลจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติเนื่องในวโรกาสพระเจ้าอยู่หัวมีพระชนมายุครบ 7 รอบ ในปี 2554 รัฐบาลควรใช้โอกาสนั้น ทำความเข้าใจในพระราชประสงค์ของในหลวงต่อประเด็นดังกล่าว ราชนิกูลกลุ่มนี้ได้พบปะกันในช่วงสิ้นปี 2554 เพื่อร่วมครุ่นคิดในประเด็นว่าด้วยการบังคับใช้กฎหมายอาญามาตรา 112 ในทางที่ผิดซึ่งเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และต้องการให้มีการคำนึงถึงข้อเท็จจริงที่ว่า พระเจ้าอยู่หัวเองก็ทรงวิพากษ์วิจารณ์กฎหมายมาตราดังกล่าว แต่ราชนิกูลกลุ่มนี้ไม่มีการระบุอย่างเด่นชัดว่าเนื้อหาของกฎหมายในส่วนใดที่ควรได้รับการแก้ไข โดยให้เป็นหน้าที่ของรัฐบาลชุดนี้ที่จะทำการปกป้องสถาบัน และให้ความสนใจกับคำแนะนำของในหลวง

กูบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์
ใครไม่ดูหนังกูก็เรื่องของมึง

-11 มกราคม 2555 บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ เขียนในเฟซบุ๊คกรณีมีกระแสต่อต้านภาพยนตร์เรื่องปัญญากับเรณูภาค 2 ที่เขาเป็นผู้กำกับการ แสดงว่า เรื่องหนังของผม..ผมทำหนังมาเพื่อพี่น้องประชาชนคนไทย..ใครจะดูหรือไม่ดูก็ เรื่องของพวกเค้า..หนังผมจะไม่ได้เงินหรือได้เงินมันก็เรื่องของผมเพราะมัน เป็นเงินของผม


ทั้งนี้ก่อนหน้านี้ จู่ๆบิณฑ์ก็ได้ออกมาเขียนข้อความในเฟซบุ๊คของเขาว่า
ไอ้พวกสัตว์นรกชอบทำความแตกแยกคนไทยด้วยกัน..คนที่แม่งพูดบอกว่าประชาชนปลดรูปลงหมดแล้ว..ปลดรูปโคตรพ่อโคตรแม่มึงนะลงเอากระทืบไงไอ้สัตว์..พวกมึงไม่รู้สำนึกแล้วยังมาหน้าด้านอยู่ประเทศไทยทำไม..กูบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ถ้าใครข้องใจ..แต่อย่าหน้าตัวเมียน่ะ เจอกูได้ทุกเวลา..เปิดตัว ออกมา ไอ้เหี้ย

บิณฑ์ได้จัดงานแถลงข่าวเปิดตัวหนังปัญญากับเรณูภาค 2 ที่กำลังจะลงโรงฉายในวันที่ 26 มกราคม 2555
ต่อมาเขาได้โพสต์ในเฟซบุ๊คว่า
สวัสดี ครับเพื่อนๆที่รักทุกคน ..ผมขอโทษในเรื่องคำพูดที่พูดออกไป ผมรู้ว่ามันไม่เหมาะสม แต่ผมเอาไม่อยู่จริงๆ ผมเทิดทูนและรักในหลวงไม่แพ้เพื่อนๆทุกคน..ผมขอ โทษครับ

- 12 มกราคม 2555 นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะที่ปรึกษากรรมาธิการการสื่อสารและโทรคมนาคม  กล่าวว่า มีบุคคลใช้ชื่อเฟซบุ๊กว่า หน่วยงานลับแดงใต้ดิน เป็นการรวมพลคนหมิ่นสถาบัน มีกลุ่มเพื่อนถึง 4,944 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทย สามารถรู้ล่วงหน้าทุกครั้งเวลาจะถูกตำรวจออกหมายจับ และยังมีการท้าทายว่า ร.ต.อ.เฉลิมไม่กล้าทำอะไร เพราะกลัวจะเสียฐานเสียงคนเสื้อแดง จึงอยากให้ตำรวจเร่งปราบเว็บนี้ เพราะเปิดมานาน 1 เดือนแล้ว นอกจากนี้อยากทราบความคืบหน้าการดำเนินคดีนายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และนายจักรภพ เพ็ญแข อดีตแกนนำ นปช. ข้อหาหมิ่นสถาบันด้วย
ส่วนร.ต.อ.เฉลิม ชี้แจงว่า หลังได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรีเป็นประธานปราบปรามเว็บหมิ่นสถาบัน ได้ปรับปรุงขั้นตอนการออกหมายศาล และการปิดเว็บหมิ่นสถาบันให้มีความรวดเร็วขึ้น โดยยึดหลักรัฐศาสตร์นำนิติศาสตร์ ขอความร่วมมือจากหน่วยงานต่างๆ และ 6 กลุ่มผู้ให้บริการการเว็บไซต์  ขอยืนยันว่า หากใครหมิ่นสถาบัน รัฐบาลยอมไม่ได้ ต้องถูกดำเนินการ ไม่ว่าจะเป็นคนที่เลือกพรรคเพื่อไทยหรือไม่ก็ตาม แต่ตั้งข้อสังเกตว่า คนทำผิด มักไม่เปิดเผยตัวตนจริงๆ เพราะหากคนที่ไม่ชอบพรรคเพื่อไทย ก็อาจดำเนินการเปิดเว็บนี้ เพื่อกลั่นแกล้งกัน ไม่ใช่ว่าพอเอ่ยชื่อเสื้อแดง แล้วจะมาอ้างว่าเป็นพวกตนทั้งหมด ยืนยันว่า เรื่องการปราบเว็บหมิ่นสถาบัน นายกฯ ได้สอบถามความคืบหน้าทุกสัปดาห์
ส่วนกรณีของนายสุนัย ได้มอบให้กองปราบดำเนินการหาพยานหลักฐานอยู่ นอกจากนี้ที่ผ่านมา ตอนหาเสียง ตนและพรรคพวกถูกกล่าวหาเรื่องไม่จงรักภักดี จึงมีแนวคิดอยากแก้ไขหรือเพิ่มกฎหมายใหม่เรื่องความจงรักภักดี โดยห้ามกล่าวหาบุคคลใดบุคคลหนึ่งไม่จงรักภักดี หรือบอกว่า ตัวเองจงรักภักดี แต่คนอื่นไม่จงรักภักดี หากใครฝ่าฝืนมีโทษจำคุก 5 ปี แนวคิดนี้ในอนาคตตนต้องพูดในพรรค หากจะทำจริงต้องหารือกับคณะกรรมการกฤษฎีกา

-15 มกราคม 2555 หมอตุลย์ สิทธิสมวงศ์ กลุ่มเสื้อหลากสีได้จัดชุมนุมคัดค้านที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิในวันต่อมาในเวลา 16.00 น. มีผู้เข้าร่วมหลักสิบคน โดยมีบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องปัญญากับเรณู ภาค 2 นำอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญูไปเป็นมวลชนหลัก ด้วยบรรยากาศเงียบหงอย มีผู้ถ่ายภาพนับได้ 31 คน โดยในเฟซบุคของกลุ่มระบุว่า เพื่อเคลื่อนไหวแสดงพลังปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยมีการตั้งโต๊ะล่ารายชื่อคัดค้านการแก้ไข หรือ การยกเลิกกฎหมายอาญา มาตรา 112 ในทุกกรณี
-25 มกราคม 2555 เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ความเคลื่อนไหวในการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ของคณะนิติราษฎร์ จะเป็นการจุดชนวนความแตกแยกในบ้านเมือง และยังทำให้ประชาชนเกิดความเกลียดชังกลุ่มนิติราษฎร์ และย้ำว่าได้สั่งการให้ตำรวจสันติบาลติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มนิติราษฎร์ ซึ่งถ้าหากว่า พบการกระทำความผิดจะจับกุมดำเนินคดีทันที ร.ต.อ.เฉลิมทำราวกับว่า การเสนอให้มีการแก้กฎหมายของนิติราษฎร์เป็นเรื่องของการก่ออาชญากรรม ที่จะต้องคอยจ้องจับเพื่อดำเนินคดี
พล.อ.ประยุทธ์ ผบ.ทบ. ให้สัมภาษณ์ว่า เป็นเรื่องของความพยายามที่อาจจะไม่ปกติ อยากจะทำโน่นทำนี่ โดยไม่คิดว่าอะไรควรไม่ควร นักวิชาการเหล่านี้ จะต้องกลับไปทบทวนว่าสถาบันทรงคุณต่อแผ่นดินอย่างไร ไม่ใช่ไปบังคับ หรือผูกขาดความจงรักภักดี แต่ต้องการให้ทุกคนระลึกอยู่เสมอว่าบ้านเมืองมีชื่อเสียงเกียรติยศในโลกนี้ ส่วนใหญ่ที่รู้จักประเทศไทย รู้จักมาจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก่อนทั้งสิ้น ผมเคยบอกไปหลายครั้งแล้วว่าไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง คนทั้งแผ่นดินเคารพเทิดทูน แต่ท่านมาทำลายความรู้สึกของคนทั้งแผ่นดิน ขอถามว่าท่านจะได้อะไร อย่าให้ว่าผมใช้คำรุนแรง เมื่อท่านรุนแรง ผมก็รุนแรงกับท่าน แต่ผมอยู่ในกรอบของกฎหมาย ไม่มีการทำอะไรนอกกฎหมายทั้งสิ้น ท่านอย่าทำผิดกฎหมายก็แล้วกัน ที่น่าแปลกใจ เพราะไม่ได้ปรากฏเลยว่า คณะนิติราษฎร์จะพูดอะไรรุนแรงกับพระเจ้าอยู่หัว

-26 ม.ค. 2555 นิติราษฎร์ได้ออกประกาศถึงประชาชนผ่านเวบไซท์ ว่า คำวิพากษ์วิจารณ์ของฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยจำนวนมาก ไม่ได้ตั้งอยู่บนเนื้อหาและหลักวิชาการ แต่มุ่งโจมตีและกล่าวหาตัวบุคคลโดยไร้เหตุผลและพยานหลักฐาน หลายกรณีมีการบิดเบือนข้อเท็จจริงและหลักกฎหมาย จนอาจทำให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจผิดพลาดคลาดเคลื่อน นิติราษฎร์ขอแจ้งให้ประชาชนที่เห็นด้วยกับข้อเสนอได้ทราบ และสบายใจว่าข้อเสนอทุกข้อของนิติราษฎร์เป็นเรื่องที่วางอยู่บนหลักวิชาการและอำนาจตามกฎหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเสนอให้แก้ไขมาตรา 112 นั้นไม่ถือเป็นความผิดใดๆทั้งสิ้น มาตรา 112 มีสถานะเป็นเพียงบทบัญญัติแห่งกฎหมายอาญามาตราหนึ่งเท่านั้น จึงย่อมเป็นสิทธิและอำนาจโดยชอบธรรมตามรัฐธรรมนูญที่ประชาชนผู้เห็นปัญหาของมาตรานี้จะเข้าชื่อเสนอต่อรัฐสภา ซึ่งเป็นตัวแทนประชาชนเจ้าของอำนาจที่แท้จริงให้ปรับปรุงแก้ไข การรวบรวมรายชื่อจะคงดำเนินต่อไปจนกว่าจะครบ 10,000 ชื่อ ตามกฎหมาย หรือมากกว่านั้น โดยแม่งานผู้รวบรวมคือ คณะรณรงค์แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 112 (ครก.112) เพื่อผลักดันร่างกฎหมายนี้เข้าสู่สภาภายในเวลา 112 วัน รวมทั้งข้อเสนอการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับนิติราษฎร์ให้มีการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ ศาล กองทัพ และสถาบันทางการเมือง จนเกิดกระแสคัดค้านจากหลายฝ่าย ทั้งจากกองทัพ ฝ่ายการเมือง รวมถึงภาคประชาชนบางกลุ่ม ข้อเสนอของนิติราษฎร์เป็นเพียงความเห็นหนึ่ง หากประชาชนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยก็ถือว่าจบ ไม่มีผลอะไรต่อความมั่นคงของชาติหรือของสถาบันใด สมาชิกนิติราษฎร์ไม่มีใครหวาดกลัว แม้จะมีการขู่เอาชีวิต นิติราษฎร์ไม่ได้ต้องการท้าทายใคร แต่ตั้งใจจะแลกเปลี่ยนความรู้ ความคิด โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อพัฒนาประชาธิปไตย


เสนอหน้า
แย่งกันจงรักภักดี

-20 มกราคม 2555 ไทยโพสท์ลงบทความของมีชัย ฤชุพันธุ์ เรื่อง ปัญหาการแก้ไขมาตรา 112 ของกฎหมายอาญา โดยอ้างว่า...การที่มนุษย์มีสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานในการพูดหรือการแสดงความคิดเห็นนั้น มิได้หมายความว่าจะพูดหรือแสดงความคิดเห็นอย่างไรก็ได้ เพราะสิทธินั้นมาควบคู่กับหน้าที่ จะต้องเคารพถึงสิทธิของคนอื่นด้วย อยู่ๆ ใครจะลุกขึ้นใส่ร้ายใคร หรือดูหมิ่นใคร หรืออาฆาตมาดร้ายใคร แล้วอ้างว่าเป็นการใช้เสรีภาพในการพูดหรือการแสดงความคิดเห็นได้เสียเมื่อไหร่ นายมีชัยอ้างว่าไทยมีกฎหมายคุ้มครองประมุขหรือผู้แทนรัฐต่างประเทศ รวมทั้งธงหรือเครื่องหมายของรัฐต่างประเทศ และวัตถุหรือสถานที่อันเป็นที่เคารพของศาสนา แล้วทำไมจึงต้องยกเลิกการคุ้มครองแต่เฉพาะพระมหากษัตริย์ไทย โดยไม่พูดถึงที่กฎหมายไทยที่ให้ความคุ้มครองประมุข และธงชาติของต่างประเทศ และสิ่งเคารพทางศาสนา
ทำไมสถาบันอื่นๆยังสมควรได้รับการคุ้มครองเป็นพิเศษ ทำไมจึงจะยกเลิกแต่เฉพาะการคุ้มครองสถาบันพระมหากษัตริย์ของไทย ซึ่งรัฐธรรมนูญบัญญัติรับรองว่าเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดละเมิดมิได้ หรือตั้งใจจะยกเลิกการคุ้มครองเสียทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ หรือเจ้าพนักงาน ก็ไม่ต้องมีกฎหมายคุ้มครองกันเป็นพิเศษ ก็พูดมาเสียให้ชัด
เพื่อประชาชนจะได้เข้าใจได้ถูก และแสดงความเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยได้อย่างถูกต้อง

ซึ่งอันที่จริงแล้วไม่ว่าจะเป็นคนชาติไหน ฐานะใดก็ล้วนแล้วแต่มีสิทธิพื้นฐานในความเป็นมนุษย์เหมือนกันตามปฎิญญาสากลว่าด้วย สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ที่บัญญัติว่า “ มนุษย์ทั้งหลายเกิดมามีอิสระเสรีและเท่าเทียมกันทั้งศักดิ์ศรีและสิทธิ ทุกคนได้รับการประสิทธิ์ประสาทเหตุผลและมโนธรรม และควรปฏิบัติต่อกันฉันพี่น้อง ไม่ใช่เลือกเอาเฉพาะที่เข้าข้างความเห็นของตนเองเท่านั้นจึงจะถือว่าถูกต้อง พอไม่ตรงกับที่ตนเองต้องการก็อ้างเอาลักษณะเฉพาะตัวของประเทศไทยตามความเห็น ของหมู่หรือของพวกตนเองกำหนดขึ้นไปเป็นข้อยกเว้น
ขณะที่ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ซึ่งเป็น มีภูมิหลังเป็นมือเป็นไม้ของคณะรัฐประหารมาโดยตลอด
จะออกมาบอกกันตรงๆเลยว่าไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขมาตรา 112 แต่กลับเบี่ยงประเด็นเพื่อทำให้ผู้อ่านเข้าใจไขว้เขวไปว่าผู้ที่ต้องการ แก้ไขมาตรา 112 นั้น ต้องการที่จะยกเลิกการคุ้มครองสถาบันพระมหากษัตริย์ หรือตั้งใจจะยกเลิกการคุ้มครองเสียทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ หรือเจ้าพนักงาน ซึ่งไม่เป็นความจริง

- 25 ม.ค.2555 นายกนก รัตน์วงศ์สกุล ผู้ประกาศข่าวเครือเนชั่น ได้โพสต์ลงในเฟซบุ๊ค วิจารณ์กลุ่มที่สนับสนุนให้มีการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ว่า “ ทุกๆ 10 นาที จะมีคนโพสต์ต่อต้านกลุ่มที่จะขอแก้มาตรา 112 ลงที่เฟซบุ๊คนี้ ผมก็ตามอ่านตลอด บางคนลงรูปของอาจารย์นิติธรรมศาสตร์ ที่เป็นหัวหอกแก้มาตรานี้ ซึ่งผมจะลบออกทุกครั้ง เพราะไม่อยากเห็นหน้าคนกลุ่มนี้บนเฟซบุ๊คผม ถ้าพวกนี้อายุ 30 – 40 กว่าปี ตามที่เสธ.หนั่นไล่ให้ไปอ่านประวัติศาสตร์ ผมสงสัยว่า พ่อแม่เขายังอยู่หรือเปล่า รุ่นพ่อรุ่นแม่น่าจะทันได้เห็นในหลวง ทรงงานมาตลอด ถ้าลูกไม่ใส่ใจในความเป็นกษัตริย์นักพัฒนา มัวแต่ดื้อด้านจะแก้กฎหมายท่าเดียว
แล้วพ่อแม่พวกนี้ทำอะไรอยู่..ไม่ห้ามปรามเลยหรือ หรือวายชนม์ไปหมดแล้ว ผมขอโทษนะครับ อย่าหาว่าผมก้าวล่วง แต่อยากถามคนกลุ่มนี้จริงๆว่า พ่อแม่คุณอบรมสั่งสอนหรือเปล่า "  ปรากฎว่าเรื่องนี้สร้างความฮือฮาในสังคมเน็ตเวิร์คมาก เพราะหนึ่งในบรรดาผู้รณรงค์แก้ไขม.112 รายสำคัญคือนายปราบดา หยุ่น นัีกเขียนรางวัลซีไรต์ ลูกชายนายสุทธิชัย หยุ่น เจ้าของเครือเนชั่น และเป็นเจ้านายของนายกนกนั่นเอง ที่สำคัญนายสุทธิชัยก็ยังอยู่ไม่ได้วายชนม์แต่อย่างใด เฟซบุ๊กสำนักพิมพ์ไต้ฝุ่นของนายปราบดา หยุ่น ได้โพสต์ข้อความว่า“ ปกติไม่ชอบพูดเรื่องส่วนตัวเลย แต่บางข่าววันนี้ทำให้อยากบอกว่า สิ่งหนึ่งที่ทำให้รู้สึกว่าเป็นคนโชคดีมากๆ คือการมีพ่อกับแม่ที่มอบสิ่งมีค่าที่สุดกับเรามาตลอด นั่นคืออิสระทางความคิดและการใช้ชีวิต สำหรับเรา ความหมายของการอบรมสั่งสอนลูกที่ดีคือแบบนี้ ไม่ใช่แบบที่อบรมให้ไหม้เกรียมไปด้วยการบังคับ และสั่งสอนให้ตกเป็นทาสของขนบงมงาย"


กนก รัตน์วงศ์สกุล และ ปราบดา หยุ่น

ปราบดา หยุ่น นักเขียนซีไรต์ ปี 2545 เป็นผู้ร่วมลงชื่อรณรงค์ให้แก้ไขมาตรา 122 ได้เคยกล่าวไว้ว่า “ สังคมที่ได้รับการปกครองโดยธรรม ไม่มีความจำเป็นต้องหวาดกลัวความจริง ไม่ต้องกักขังผู้ที่เห็นต่าง ไม่ต้องใช้คำว่ากบฏปรักปรำสมาชิกด้วยกัน การมอบเสรีภาพทางความคิดและการแสดงออกอย่างหมดจดให้กับสังคม คือบทพิสูจน์ที่จะสะท้อนได้อย่างแจ่มชัดที่สุดว่า ตัวตนที่แท้ของสังคมนี้เป็นเช่นไร หากสมาชิกในสังคมกล้ายืนยันว่าสังคมไทยไม่ใช่สังคมเผด็จการ ไม่ใช่สังคมลัทธิ วิธีพิสูจน์ที่จะปราศจากข้อกังขาโดยสิ้นเชิงคือ ต้องปรับระดับแสงไฟแห่งเสรีภาพทางความคิดและการแสดงออกให้เจิดจำรัสถึงขีดสุด”
-27 มกราคม 2555 นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ เเละ พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน นำกลุ่มเเนวร่วมคนไทยหัวใจรักชาติ ไปชุมนุมเผาหุ่นนายวรเจตน์ ภาคีรัตน์ นักวิชาการคณะนิติราษฎร์ บริเวณหน้าประตูทางเข้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หลังจากนั้นได้นำรายชื่อประชาชนหลายหมื่นคนเสนอต่อศาลเพื่อขอให้อำนาจตุลาการเข้ารับผิดชอบในการหยุดยั้งการทำลายชาติ มีการปลุกเร้าให้รักชาติ และมีการเผาหุ่นณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ แถมเข้าไปด้วย แต่ไม่มีการชี้แจงโต้แย้งข้อเสนอนิติราษฎร์ในทางเหตุผลเลย
-นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทยกล่าวถึงความเคลื่อนไหวของคณะนิติราษฎร์ที่เสนอให้มีการแก้ไขมาตรา 112 และ รัฐธรรมนูญ มาตรา 8 ที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับสถาบันกษัตริย์ ว่า“ ความเคลื่อนไหวของคณะนิติราษฎร์ต้องบอกว่าท่าดีทีเหลว ทำไปทำมากลับมุ่งเพียงการแก้ไขเนื้อหาที่เกี่ยวกับสถาบัน สร้างความแตกแยกให้เพิ่มขึ้นในบ้านเมือง ทั้งๆที่กำลังดำเนินไปในทิศทางที่ดี ข้อเสนอของคณะนิติราษฎร์นั้นสร้างผลกระทบต่อความรู้สึกของประชาชนอย่างมาก ไม่มีเหตุไม่มีผลที่รับฟังได้ ความจริงมีเรื่องอื่น มาตราอื่นๆที่สมควรแก้มากมาย แต่น่าแปลกว่าคณาจารย์กลุ่มนี้กลับไม่เอาสมองไปคิด แต่ขอยืนยัน ย้ำว่าคณะนิติราษฎร์ไม่เกี่ยวข้องกับรัฐบาล และพรรคเพื่อไทยหรือแม้แต่พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเราก็ได้ประกาศจุดยืนไปแล้วว่าจะไม่แตะต้องเรื่องดังกล่าว น่าสงสัยถึงเจตนาในการเสนอแก้ไขกฎหมายของคณะนิติราษฎร์ว่าไปรับจ๊อบรับงานอะไร ที่มีวาระแอบแฝงมาหรือไม่ พวกคุณเป็นนักวิชาการเอียงซ้ายหรือเอียงขวากันแน่ บ้านเมืองกำลังเข้าร่องเข้ารอยแต่คุณกำลังปลุกทหารมาปฏิวัติหรือเปล่า ขอให้พี่น้องประชาชนที่เทิดทูนสถาบัน ลูกศิษย์ลูกหาออกมาต่อต้านกันเยอะๆ เชื่อว่าถ้าคณะนิติราษฎร์ยังไม่หยุด จะเจอคลื่นมหาชนแน่ขอร้องว่าอย่าสร้างเงื่อนไขการเมืองให้ถึงทางตัน เปิดโอกาสให้ฝ่ายล้มล้างรัฐบาลออกมาอีกรอบ ขอเตือนคณะนิติราษฎร์ให้ระวังไม่มีแผ่นดินจะอยู่ ตอนบ้านเมืองเกิดวิกฤติพวกคุณไม่เคยออกมา หายหัวหมด วันนี้ออกมาเหมือนอยู่เมืองไทยไม่สงบสุขหรืออย่างไร


น.ส.จิตภัสร์ ภิรมย์ภักดี

-28 มกราคม 2555 ที่ลานพระรูปทรงม้า น.ส.จิตภัสร์ ภิรมย์ภักดี รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยประชาชน 50 คน ร่วมชูป้ายต่อต้านคณะนิติราษฎร์ที่มีข้อความ อาทิ ทำเพื่อพ่อขจัดนิติทรราชพวกอกตัญญูไม่รู้คุณแผ่นดิน หรือ นิติราษฎร์ออกไป เป็นต้น เพื่อแสดงถึงจุดยืนคัดค้านแนวคิดของกลุ่มนิติราษฎร์ น.ส.จิตภัสร์ได้อ่านแถลงการณ์ที่มีใจความว่า เรารู้สึกอึกอัด เสียใจ ซึ่งที่ผ่านมามีกระบวนการเคลื่อนไหวบิดเบือนความจริงเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่รักและเคารพยิ่งของคนไทยทุกคน วันนี้จึงอยากเรียกร้องให้ทุกคนที่มีจุดยืนเดียวกันคือ รักและเทิดทูนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ช่วยกันเผยแพร่ข้อมูลที่ถูกต้อง ทำความเข้าใจกับบุคคลที่อาจเข้าใจผิด หรือได้รับข้อมูลที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่น่าแปลกคือ น.ส.จิตภัสร์ไม่ได้อธิบายในเชิงเหตุผลเลยว่า คณะนิติราษฏร์เสนออะไร ไม่ถูกต้องอย่างไร มีความเป็นไปได้ว่า เธออาจจะไม่เคยอ่านข้อเสนอของนิติราษฎร์เลย
- นายจาตุรนต์ ฉายแสง โพสต์ข้อความลงทางทวิตเตอร์ว่า....ผู้ที่เสนอให้แก้ม.112 ก็ไม่ได้วิจารณ์สถาบันพระมหากษัตริย์ แต่เขาวิจารณ์กฎหมายและเสนอให้แก้กฎหมาย ยิ่งการเสนอให้ใช้กำลังเข้าจัดการถึงขั้นทำร้ายหรือเอาชีวิตผู้ที่เสนอแก้กฎหมายนั้นย่อมถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย การเสนอแก้กฎหมายใดๆก็ตาม เป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ ส่วนการเสนอแก้กฎหมาย ถ้ามีการให้เหตุผลหรือการกระทำใดๆ ที่เกินเลยถึงขั้นผิดกฎหมาย ก็สามารถใช้กฎหมายเข้าเล่นงานได้ การโหมประโคมข่าวให้คนเกลียดชังกันโดยใช้เหตุผลที่เกินจริงและไม่คำนึงถึงกฎหมายบ้านเมือง จะนำไปสู่ความขัดแย้งและรุนแรงยิ่งขึ้น ไม่ดีต่อใครเลย เป็นสิทธิตามกฎหมายที่ใครก็ตามจะไม่เห็นด้วยไม่เอาด้วยกับการแก้กฎหมายเรื่องใดเรื่องหนึ่ง แต่ขณะเดียวกันการเสนอแก้กฎหมายก็ไม่ใช่เรื่องผิดกฎหมาย เพราะฉะนั้นทางออกในเรื่องนี้คือการตั้งสติ คำนึงถึงกฎหมายบ้านเมือง ใช้เหตุใช้ผลต่อกัน มากว่ายุให้ประหัตประหารกัน กับอีกประเด็นที่อยากเน้นก็คือ เรื่องเราจะทำอย่างไรกับการที่คนไทยเรามีความเห็นต่างกัน ทำอย่างไรให้อยู่ร่วมกันได้โดยสันติ ไม่ใช้ความรุนแรง


- 29 มกราคม 2555 นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีมหาดไทย หัวหน้าพรรคเพื่อไทยกล่าวว่า พรรคและทุกคนได้ประกาศไปแล้ว และยืนยันว่าหมวดพระมหากษัตริย์ในรัฐธรรมนูญในกฎหมายอาญามาตรา 112 พรรคไม่แตะต้อง หัวหน้าพรรคพูดก็ยังไม่เชื่อ ก็จะพูดอยู่เรื่อยๆ พูดจนกว่าจะไม่ถาม พรรคเพื่อไทยไม่ได้เกี่ยวข้องกับกลุ่มนิติราษฎร์

- 30 ม.ค.2555 นางสาวมัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย เดินทางมายื่นหนังสือถึงนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ โดยนางสาวมัลลิกาขอให้ดำเนินการเอาผิดกับบุคคลทั้ง 4 ในรัฐบาล ประกอบด้วย นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ,ร้อยตำรวจเอกเฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี,นาวาอากาศเอกอนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าไอซีที และ พลตำรวจเอกเพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157 เนื่องจากไม่มีความคืบหน้าในการดำเนินคดีกับเว็บไซต์หมิ่นสถาบัน ที่ก่อนหน้านี้ได้มอบหลักฐานทั้งหมด ซึ่งเป็นลิงก์ของเว็บไซต์หมิ่นสถาบันจำนวน 280 URL ให้ตรวจสอบ นางสาวมัลลิกา ยังได้รวบรวมลิงก์ของเว็บไซต์หมิ่นสถาบันอีก 483 URL ให้กับดีเอสไอตรวจสอบ ว่ามีความผิดตามพรบ.คอมพิวเตอร์ และมาตรา 112 หรือไม่ พร้อมย้ำว่า การเดินทางมายื่นหนังสือครั้งนี้ มาในฐานะพลเมือง ไม่ใช่มาในนามของสมาชิกพรรคการเมือง
ขณะที่นายพร้อมพงษ์ ขอให้ดีเอสไอดำเนินการสืบสวนสอบสวนและดำเนินคดีกับบุคคลที่ใช้เครือข่ายออนไลน์และอินเตอร์เน็ต เผยแพร่ข้อความอันมีลักษณะที่ส่งผลกระทบต่อสถาบัน

ส่วนรตอ.เฉลิม อยู่บำรุงรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงกล่าวว่า ...ผมสั่งสันติบาลไว้แล้ว ให้ติดตามการให้สัมภาษณ์ของกลุ่มนิติราษฎร์อย่างใกล้ชิด...ถ้าผิด...จับ

-31 มกราคม 2555 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรและแกนนำ นปช.ให้สัมภาษณ์ กรณีพรรคประชาธิปัตย์ โจมตีพรรคเพื่อไทย ว่าอยู่เบื้องหลังสนับสนุนการเคลื่อนไหวของกลุ่มนิติราษฎร์ในการเสนอแก้ไข ม. 112 ว่า รัฐบาลโดยนายกยิ่งลักษณ์ ได้แสดงท่าทีชัดเจนแล้ว อีกทั้งมติของส.ส. ก็ชัดเจนว่าไม่มีแนวทางและแนวคิดที่จะแก้ไขมาตรา 112 ยกเว้นแต่ทางพรรคประชาธิปัตย์ มีเจตนาจะไม่เข้าใจและเจตนาจะสร้างความสับสนให้เกิดขึ้นกับสังคม เพื่อที่จะได้ประโยชน์จากพื้นที่ทางการเมือง
ทั้งนี้ รัฐบาลไม่ได้ปล่อยเกาะหรือทอดทิ้งกลุ่มนิติราษฎร์ อย่างที่พรรคประชาธิปัตย์พยายามกล่าวหา แต่เราเป็นสังคมประชาธิปไตย ไม่มีการผูกยึดกับบุคคลหรือองค์กร นอกจากเหตุผลหรือข้อเท็จจริงในแต่ละสถานการณ์ บางข้อเสนอสอดคล้องกับสถานการณ์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สังคมขานรับ และบางข้อเสนออาจไม่ถูกต้อง ไม่สอดคล้อง และอาจทำให้เกิดความสับสน ก็จะมีการตั้งข้อสังเกต และแสดงความเห็นต่าง เป็นเรื่องปกติของระบอบประชาธิปไตย รับฟังทุกฝ่ายและยอมรับความจริงว่าประเทศนี้ต้องปกครองโดยระบอบประชา ธิปไตยอันมีกษัตริย์เป็น ประมุข แล้วทุกฝ่ายยุติการเอ่ยอ้างถึงสถาบันเบื้องสูงเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง แม้ฝ่ายต่อต้านการแก้ไข112 บอกว่าทำไปเพื่อปกป้องสถาบัน แต่ฝ่ายเสนอแก้ไขนั้นก็ได้ยืนยันเช่นกันว่า แก้ไขเพื่อปกป้องสถาบัน ไม่มีฝ่ายใดคิดจ้องล้มสถาบันดังที่มีการโจมตีกัน เป็นเพียงความเห็นต่างในระบอบประชาธิปไตย

-31 มกราคม 2555 หลังจากที่ปราบดา หยุ่น เขียนในเฟซบุ๊คว่า วัดจากคอมเมนต์ของคนที่ด่าคนอื่นว่าเนรคุณประเทศชาติ หรือถามคนอื่นว่าเป็นคนไทยหรือเปล่า ดูเหมือนบรรดาคนที่กตัญญูและเป็นคนไทยส่วนใหญ่จะหยาบคายก้าวร้าวและรักความรุนแรงมากถึงมากที่สุด เพิ่งเข้าใจว่าคุณสมบัติของความเป็นคนไทยเป็นเช่นนี้เอง
ก่อนหน้านี้เมื่อ
19 พฤษภาคม 2554 ปราบดา หยุ่น ร่วมกับ ทราย เจริญปุระ และเพื่อนนักเขียน  ส่งจดหมายเปิดผนึกถึงเพื่อนนักเขียนไทยทั่วประเทศร่วมลงชื่อในการเรียกร้องให้มีการแก้ไขมาตรา 112 และยุติการใช้ข้อกล่าวหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพปิดกั้นการแสดงออกและแสดงความ คิดเห็นทางการเมือง ถึงเวลาแล้วที่สังคมไทยต้องแยกแยะการล้มสถาบัน ออกจากการอภิปรายเพื่อนำไปสู่เสถียรภาพทางสังคมในระยะยาว และการปกป้องเสรีภาพในการแสดงออกและแสดงความคิดของประชาชน ภายใต้การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข



นายเตชะ ทับทอง
กลุ่มทำดีเพื่อพ่อ
ทางด้านนายเตชะ ทับทอง ตัวแทนกลุ่มทำดีเพื่อพ่อก็ได้ออกมาตอบโต้ว่า “ ปู่ ย่า ตา ยาย พ่อ แม่ และบรรพบุรุษผมเป็นคนไทย ผมจึงเป็นคนไทย โดยความภาคภูมิ ผมยึดแนวทางกตัญญูต่อแผ่นดินไทย และสถาบันสูงสุดของไทยยิ่งชีวิต ผมมีความรักสถาบันสูงสุด อย่างมากที่สุด มากเกินกว่าที่คนอย่างคุณจะเข้าใจ ผมอาจจะเป็นคนไทยส่วนน้อย ตามที่คุณเข้าใจ เพราะผมไม่หยาบคาย ไม่ก้าวร้าว แต่สิ่งที่ผมแน่ใจได้คือ คนไทยส่วนน้อยเช่นผมก็ไม่ได้ชื่นชมคุณแต่อย่างใด โปรดจงอภัยให้กับคนไทยส่วนใหญ่ คนไทยผู้ที่ก้าวร้าว คนไทยที่หยาบคายกับคุณ เพราะเค้ากำลังตอบโต้กับคนที่เนรคุณแผ่นดิน หยาบคายต่อบรรพบุรุษไทย การดูถูกคุณสมบัติคนไทยส่วนใหญ่ที่กตัญญู ถือเป็นความเขลาของปัญญาชนซีไรท์เช่นคุณ ที่ทำให้คนไทยตาสว่าง และแยกแยะได้ว่า พ่อสอนลูกแล้ว แต่ลูกมันไม่รักดี



นายประชา ประสบดี

-1 กพ. 2555 นายประชา ประสพดี ในฐานะรองประธานกรรมาธิการการยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน กล่าวถึงมติคณะกรรมการบริหารม.ธรรมศาสตร์ สั่งห้ามให้มีการเคลื่อนไหวการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112ใน พื้นที่มหาวิทยาลัย ว่า ม.ธรรมศาสตร์เป็น พื้นที่เปิดที่สามารถแสดงความคิดเห็นทางวิชาการได้ และก่อนหน้านี้ ก็อนุญาตให้กลุ่มพันธมิตรฯสามารถเคลื่อนไหวในหอประชุมใหญ่ของมหาวิทยาลัยมาแล้ว และหากมีการห้ามกลุ่มนิติราษฎร์เคลื่อนไหว เท่ากับเป็นการสร้างบรรทัดฐานต่อไปก็จะไม่มีการเคลื่อนไหวทางวิชาการได้อีก ต่อไป  จึงขอเรียกร้องให้คณะกรรมการบริหารฯยกเลิกมติดังกล่าว เพราะเรื่องที่ดำเนินการก็ทำในกรอบของกฎหมายและไม่ขัดต่อศีลธรรมอันดีของประชาชน และเท่ากับเป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกและแสดงความคิดเห็นตามระบอบประชาธิปไตย



นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต
- 1 ก.พ. 2555 นายชวนนท์ โฆษกประชาธิปัตย์ นำคลิ้ปปราศรัยของนายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.พรรคเพื่อไทยบนเวทีคนเสื้อแดงราชบุรี ที่มีสัญลักษณ์ต่อต้านกฎหมายอาญา มาตรา 112 อีกคลิ้ปหนึ่งเป็นการแถลงข่าวของนางธิดา ประธาน นปช. ที่ประกาศว่า คณะนิติราษฎร์มีหัวใจเดียวกับคนเสื้อแดงและเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์สองแขนของคนเสื้อแดง คือแขนหนึ่งหมายถึงมวลชน ส่วนอีกแขนหนึ่งคือ นิติราษฎร์ ดังนั้นนายกยิ่งลักษณ์ควรเลิกโกหกประชาชนว่าพรรคเพื่อไทยไม่เกี่ยวข้องกับนิติราษฎร์ หากนายจตุพรเห็นด้วยและชื่นชมว่าการกระทำของนิติราษฎร์คือการจงรักภักดีก็ควรประกาศสนับสนุนนิติราษฎร์ให้เดินหน้าไม่ใช่ออกมาห้าม สิ่งที่นายณัฐวุฒิกับนายจตุพรทำจึงเป็นการโดดเรือหนีนิติราษฎร์อย่างชัดเจน อีกทั้งนายโรเบิร์ต อัมเสตอดัม ทนายความชาวแคนาดาของทักษิณก็ต้องการแก้มาตรา 112

-2 กุมภาพันธ์ 2555 นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ตอบโต้นายชวนนท์ ว่าข้อเสนอของกลุ่มนิติราษฎร์ปกป้องสถาบัน แต่ถูกพรรคประชาธิปัตย์ และกลุ่มอำมาตย์นำไปบิดเบือนให้ร้าย แม้จะมีประชาชนเข้าชื่อ 1 หมื่นคนขอให้แก้ไขมาตรา 112 แต่เชื่อว่าจะไม่มีส.ส.คนใดกล้าโหวตให้ ตนทราบมาว่า มีการตั้งวอร์รูมเพื่อจะจัดการรัฐบาลให้ได้ก่อนเดือนเม.ย.2555 โดยใช้เรื่องมาตรา 112 มาเป็นช่องว่างในการล้มรัฐบาล


นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์
17 กุมภาพันธ์ 2555 นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ แกนนำกลุ่มเสื้อหลากสี ชี้แจงนักข่าวต่างประเทศที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ ว่าตน ไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 หรือ กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เพราะ อาจทำให้การหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์มีสูงขึ้นมากกว่าเดิม การหมิ่นสถาบันฯ ในระยะหลังๆ ได้เพิ่มขึ้นสูงมาก เนื่องมาจากความไม่หวังดีของกลุ่มคนเสื้อแดงที่อยู่ภายใต้การควบคุมของนักการเมืองโดยเฉพาะอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ที่มุ่งจะเปลี่ยนแปลงประเทศและเข้าแทรกแซงกระบวนการต่างๆ ของไทย ทั้งตุลาการ ศาล และสถาบัน ทำให้ประชาชนที่อยู่ในชนบทและขาดการศึกษาตกเป็นเครื่องมือของนักการเมืองกลุ่มที่รณรงค์แก้ไขกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เช่น นิติราษฎร์ กลุ่ม ครก. 112 หรือ กลุ่มที่รณรงค์เพื่อความตื่นรู้ ที่มุ่งจัดเวทีให้ความรู้ความเข้าใจในจังหวัดต่างๆ นั้น แท้จริงแล้วมีเบื้องหลัง และอาจทำให้ประชาชนเข้าใจผิดเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ในแง่มุมต่างๆ และอาจส่งผลเสียตามมาต่อประเทศไทยได้ เขาจึงไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอของนิติราษฎร์ เขาเองยินดีที่จะร่วมเวทีเพื่อแลกเปลี่ยนและถกเถียงกับกลุ่มที่เสนอให้แก้ไข ม. 112 อย่างสันติและเชิงวิชาการ แต่ไม่ต้องกาให้มีการออกอากาศทางโทรทัศน์ เนื่องจากเป็นเรื่องอ่อนไหวและอาจถูกกลุ่มผู้ไม่หวังดีเอาไปโจมตีได้ กลุ่มนิติราษฎร์เป็นเพียงกลุ่มทางวิชาการที่ตั้งขึ้นมาเพื่อการโฆษณาชวนเชื่อ และไม่ได้ศึกษาข้อกฎหมายอย่างรอบด้าน ปกติแล้วถ้าอาชญากรรมนั้นมีเพิ่มสูงขึ้น การลงโทษก็ต้องเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วยเพื่อที่จะหยุดยั้งมัน แต่ข้อเสนอของนิติราษฎร์บอกว่าต้องลดบทลงโทษ สังคมไทยยังไม่พร้อมในการถกเถียงทางวิชาการที่สันติ เนื่องจากคนไทยยังขาดการศึกษาอยู่มาก กรณีการตัดสินจำคุกอากง 20 ปี และโจ กอร์ดอน เป็นการจัดฉากขึ้น เพื่อให้กลุ่มที่ต้องการแก้ไข ม. 112 ใช้เป็นข้ออ้าง และเป็นแผนการของทักษิณ ชินวัตร ตอนนี้เหมือนสถานการณ์ถูกชักใยโดยนักธุรกิจ นักการเมือง นี่ไม่ใช่ประชาธิปไตยเลย

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นักวิชาการนานาชาติได้ส่งจดหมายเปิดผนึกถึงน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อสนับสนุนให้มีการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ว่า ตนและพรรคเพื่อไทยยังยืนยันในจุดยืนเดิมคือไม่เห็นด้วยที่จะให้มีการแก้ไขมาตราดังกล่าว ใครเห็นด้วยก็ให้ไปแก้ที่ประเทศของตัวเอง การที่นักวิชาการต่างประเทศแสดงความเห็นนั้นถือเป็นเรื่องส่วนตัว และใครจะว่าอะไรนั้นก็คงไม่สามารถไปห้ามได้
มีการรุมถล่มคณะนิติราษฎร์ โดยเฉพาะหลายคนจากพรรคประชาธิปัตย์ที่ออกมาถล่มรายวัน สื่อกระแสหลักก็ให้ช่วยกันป็นกระบอกเสียงรุมถล่มอย่างเต็มที่ จนสาวตรี สุขศรี สมาชิกนิติราษฎร์ ได้อธิบายสถานะของกลุ่มว่าใครจะได้ใช้ชีวิตคุ้มกว่าชาวคณะนิติราษฎร์คงไม่มีอีกแล้วใน พ.ศ.นี้ ... เพราะคณะเราทำหรือเป็นมาหมดแล้ว ไม่ว่าจะ รับงานทักษิณ ล้มเจ้า ล้มรัฐบาล รับงานอเมริกา เนรคุณคนให้ทุน เป็นทรอสกี้ เป็นพวกสร้างความแตกแยก ไร้เดียงสา วิชาเกิน เป็นคอมมิวนิสต์ พวกอยากดัง พวกคลั่งประชาธิปไตย พ่อแม่ไม่สั่งสอน นักวิชาการกำมะลอ สวะสังคม กินยาผิด สมองปลายเปิด ศาสดา หรือกระทั่งเป็นปลาโลมา

การเคลื่อนไหวโจมตีคณะนิติราษฎร์ที่เกิดขึ้นจึงเป็นการสะท้อนว่า สังคมไทยยังอยู่ในยุคล่าแม่มดอย่างแน่นอน เหมือนกับช่วงปลายสมัยกลางของประวัติศาสตร์ยุโรป ที่ชนชั้นนำในสังคม สร้างกรอบให้คนคิดและศรัทธาต่อพระเจ้าในแบบเดียวกัน ถ้าใครคิดต่าง หรือศรัทธาพระเจ้าแบบอื่น จะถูกกล่าวหาว่าเป็นมิจฉาทิฏฐิ เป็นแม่มด และจะถูกลงโทษโดยการเผาทั้งเป็น ทำให้มีการเผาทำลายชีวิตผู้บริสุทธิ์จำนวนมาก ต่อมาในสมัยแห่งเหตุผล จึงได้มีการเสนอหลักการเรื่องเสรีภาพทางความคิดและความเชื่อ และกลายเป็นหลักการพื้นฐานของประชาธิปไตย เพราะชาวยุโรปได้สรุปบทเรียนมาแล้วว่า ยุคแห่งการล่าแม่มด เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เสรีภาพในการความคิดที่แตกต่างจึงได้รับการยอมรับ และทำให้สังคมพัฒนาต่อมา
มาถึงวันนี้ ชนชั้นนำไทยควรจะต้องสรุปบทเรียน และยอมรับในเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นเสียที การคัดค้านหรือไม่เห็นด้วยกับคณะนิติราษฎร์ทำได้โดยการแลกเปลี่ยนเหตุผล ไม่ใช่การสร้างกระแสขวามาข่มขู่คุกคาม และถ้าหากมีการแลกเปลี่ยนด้วยเหตุผล สังคมไทยจะบรรลุวุฒิภาวะที่จะทำให้ประชาชนฉลาดขึ้นโดยทั่วกัน


หมอตุลย์นำทีมชูป้าย
ยืนยันในหลวงทรงงานหนัก

31 กรกฎาคม 2555 กลุ่มอดีตนักศึกษาธรรมศาสตร์ และประชาชนทั่วไป นำโดยนายแพทย์ ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ รวมตัวที่อนุสรณ์สถานปรีดี พนมยงค์ ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ เพื่อชูป้ายข้อความที่เกี่ยวกับพระราชกรณียกิจของสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย ภายใต้ชื่อกิจกรรม 1 ภาพ 1 พระราชกรณียกิจ ย้ำเตือนธรรมศาสตร์ เตือนความทรงจำทางประวัติศาสตร์ เพื่อให้นิสิตนักศึกษา ชาวธรรมศาสตร์ได้รู้สำนึกถึงประวัติศาสตร์และความดีงามของสถาบัน อย่างแท้จริง
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 18และ 22 กรกฎาคม 2555 นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล อาจารย์ภาควิชาประวัติศาสตร์ ธรรมศาสตร์ ได้มีการโพสท์ในเฟซบุ๊คว่า ไหนๆ วันนี้ มาศิริราชแต่เช้า เดี๋ยวแวะเยี่ยมคนรู้จักบางคนดีกว่า ได้ข่าวว่ามานอนโรงพยาบาลอยู่นาน บ้านช่องไม่ยอมกลับตกลงว่าบรรดาคนที่จงรักภักดี รู้หรือพิสูจน์ได้อย่างไรนะครับว่า ในหลวงทำงาน ในหลวงทรงงานหนัก ”  คำเหล่านี้ทำให้อดีตนิสิตนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และประชาชนทั่วไปพบ เห็นแล้วรู้สึกไม่สบายใจ และตระหนักถึงระบบการศึกษาซึ่งมีนาย สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล เป็นอาจารย์อยู่ จึงเชิญชวนประชาชนทั่วไป ออกมาจัดกิจกรรมดังกล่าวเพื่อบ่งบอกกับเยาวชนนิสิตนักศึกษาให้ตระหนักถึง ความจริงว่า ในหลวงทรงงานหนักอย่างไร และทำไมคนไทยถึงรู้สึกรักต่อพระองค์อย่างชัดเจน ทางกลุ่มยังได้มีการนำหนังสือเกี่ยวกับโครงการพระราช ดำริมามอบให้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และเรียกร้อง ต้องการให้ทางมหาวิทยาลัยฯ ดำเนินการตักเตือนอาจารย์และนักศึกษาที่มีพฤติกรรมดังกล่าวด้วย

ด้านนายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ได้มีการโพสต์โต้ตอบในเฟซบุ๊คของกลุ่มยุทธการลงทัณฑ์ทางสังคม - Social Sanction: SS  มีการนำภาพกิจกรรมนี้มาเผยแพร่พร้อมข้อความด่าทอนายสมศักดิ์ โดยสมศักดิ์โพสต์แสดงความเห็น เช่น  “อิอิ ตกลงก็ไม่เห็นจะตอบที่ผมถามได้นี่ครับ ต่อให้ไปยกป้ายสักหมื่นแผ่น เอาหนังสือ "พระราชกรณียกิจ" อีกหมื่นเล่มมา ก็ไม่ตอบคำถามนี่ครับ เพราะข้อมูลและมุมมอง ในป้าย ในหนังสือ เป็นข้อมูลด้านเดียวทีใช้การบังคับยัดเยียด ไม่อนุญาตให้เสนอด้านอื่น ไม่อนุญาตให้ประเมิน ตรวจสอบ วิพากษ์วิจาณ์นี่ครับ ..ประเด็นนี้ ไม่เห็นพวกคุณตอบได้สักคน ปล. อย่างที่ผมเขียนไปแล้วว่า ยิ่งคุณด่าผมเท่าไร ยิ่งคอนเฟิร์มสิ่งที่ผมเขียนไงว่าคุณจะประเมินใคร ประเมินอะไร ต้องให้คนมีเสรีที่จะเสนอด้านต่างๆ คุณด่าผม บางคนชมผม ก็ว่าๆกันมา แล้วให้แต่ละคนตัดสินเอง พิลึกมากที่คนรักเจ้า กลับไม่กล้าใช้บรรทัดฐานธรรมดาๆ แบบนี้ในกรณีเจ้า กลัวอะไรหรือครับ กลัวว่าที่ตัวเองพูดๆ นี่พิสูจน์ไม่ได้ เลยต้องยังใช้วิธีบังคับแบบนี้…..ทุกองค์กร ทุกบุคคลที่เป็นสาธารณะ ตั้งแต่นักการเมือง ถึงข้าราชการ ถึงนักวิชาการอย่างผม หรือกระทั่งถึงละครทีวี ร้านอาหาร พวกเราไม่ใช่ว่าใช้วิธีเปิดให้เสนอข้อมูลมุมมองต่างๆได้ ประเมิน ตรวจสอบ วิจารณ์ได้ แล้วก็ให้แต่ละคนเลือกที่จะตัดสินใจว่าอะไรหรือใครดี ไม่ดีจริง แค่ไหนหรือ
มีแต่กรณีสถาบันฯ นี่แหละที่พวกคุณเชื่อเอาแบบหัวปักหัวปำ ทั้งๆ ที่มีวิธีการเผยแพร่ข้อมูลแบบที่ผมว่ามา ...หลักการปรัชญาการศึกษาร่วมสมัยทั่วโลกเขาถือว่า ที่สอนๆ กันนี่คือให้นักศึกษารู้จักคิด รู้จักตั้งคำถาม ที่ฝรั่งเรียกว่า Critical Thinking หรือ การคิดเชิงวิพากษ์ ข้อมูล มุมมอง เรื่องสาธารณะทุกเรื่อง คุณต้องเปิดโอกาสให้เสนอได้ในทุกๆทาง เปิดให้วิพากษ์ตรวจสอบประเมินอย่างเสรี  ขนาดทฤษฎีวิทยาศาสตร์อย่างไอน์สไตน์ เขาก็ทำกันแบบนี้ แต่คนรักเจ้าที่มีการศึกษา กลับไม่ยอมรับว่า ข้อมูล มุมมองเรื่องสถาบันฯ ที่เชื่อกันเอาเป็นเอาตายนี่ ไม่ได้มาด้วยมาตรฐานแบบนี้ ตรงกันข้าม กลับได้มาด้วยการบังคับโปรแกรมด้านเดียว แล้วห้ามเสนอแบบอื่น ห้ามตรวจสอบ ห้ามวิจารณ์ การศึกษาที่เราทุ่มเทกันไปมากมายมันจึงสูญเปล่า ได้คนที่มีการศึกษาที่ไม่รู้จักคิด เอาแต่เชื่ออะไรที่ไม่ยอมให้พิสูจน์นี่แหละ
.............................


 


ไม่มีความคิดเห็น: